ประกันชีวิตกรรมการ สวัสดิการพนักงาน มีบัญชี ภาษีเกี่ยวข้อง?
ประกันชีวิตกรรมการ สวัสดิการพนักงาน โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษี ทั้งเบี้ยประกัน และภาษีที่กิจการออกให้ กรรมการซึ่งเป็นบุคคลสำคัญขององค์กร ซึ่งการเกิดขึ้นได้จากการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต ก็จะส่งผลต่อการดำเนินการของธุรกิจอย่างหลีกเลื่ยงไม่ได้
ดังนั้นการทำ ประกันชีวิตกรรมการ สวัสดิการพนักงาน จึงเกิดจากเหตุผลหลักที่สำคัญ 2 ประการ
1. คุ้มครองธุรกิจ ป้องการกันการสูญเสียความเชื่อมั่นต่อคู่ค้าทางธุรกิจ
2. นำใบเสร็จของการทำประกันชีวิต เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท ในปริมาณที่เหมาะสมและสรรพากรยอมรับได้
หลักการปฏิบัติในการทำ ประกันชีวิตกรรมการ สวัสดิการพนักงาน เพื่อให้สามารถบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีของกิจการได้ดังนี้
1. กรรมการทุกๆคน เพื่อเป็นการทั่วไป และต้องมีเบี้ยประกันชีวิตที่เหมาะสมและสมควร กรรมการทุกคนต้องได้รับสิทธิโดยเท่าเทียมกัน (คือมีกี่คนต้องได้รับสิทธิเรื่องประกันชีวิตทุกคน)
2. ต้องมีการบันทึกวาระการประชุมต่างๆอย่างละเอียด มีมติที่ประชุมของบริษัทฯ และต้องมีการเขียนระเบียบการของบริษัทฯ อย่างชัดเจน
3. ต้องมีการบันทึกหลัการทางบัญชีอย่างถูกต้อง และการเก็บเอกสารอย่างครบถ้วน
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 96/2543
เรื่อง การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวล รัษฎากร กรณีการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
(7) กรณีนายจ้างออกเงินค่าภาษีแทนให้ลูกจ้างสำหรับเงินเดือนหรือค่าจ้าง ที่ลูกจ้างได้รับในปีใด โดยลูกจ้างไม่ต้องรับภาระในการเสียภาษีด้วยตนเองเลย ให้นำเงินค่าภาษีที่นายจ้างออกแทนให้ไปรวมกับเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับในปีนั้น แล้วคำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (1) แห่งประมวลรัษฎากร จนกว่าจะไม่มีเงินค่าภาษีที่นายจ้างต้องออกแทนให้อีก
(8) กรณีนายจ้างออกเงินค่าภาษีแทนให้ลูกจ้าง สำหรับเงินเดือนหรือค่าจ้างเป็นจำนวนที่แน่นอน เช่น เท่ากับจำนวนภาษีที่จะต้องชำระ ให้นำเงินค่าภาษีที่นายจ้างออกแทนให้ไปรวมกับเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับในปีนั้น แล้วคำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (1)แห่งประมวลรัษฎากร